High Engagement Professional Presentation เน้น present ให้ได้ผลลัพธ์ ไม่ใช่แค่ให้ดูดี

High Engagement Professional Presentation

High Engagement Professional Presentation

เน้น present ให้ได้ผลลัพธ์ ไม่ใช่แค่ให้ดูดี

โฆษณาในโทรทัศน์ มีเวลาเพียง 30 วินาที แต่สามารถขายของได้ด้วยหลักการ present ที่สร้าง engagement กับผู้ดู หลักนี้สามารถมาปรับใช้กับ Professional Presentation ให้ได้ผลเช่นกัน

High Engagement Professional Presentation มีความพิเศษกว่าการพรีเซ็นต์แบบอื่นๆ เพราะไม่ใช่แค่การสื่อสิ่งที่เราต้องการจะเสนอ แต่ต้องเป็นการนำเสนอเพื่อได้รับการ “สนอง” เน้นผลลัพธ์ เพื่อจุดประสงค์ในการดำเนินงานต่อ สถานที่ในการพรีเซ้นต์ก็ไม่ใช่เพียงบนเวที หรือในห้องประชุมเท่านั้น แต่อาจเป็นในร้านกาแฟ ไปกินข้าวแล้วพรีเซ้นต์โดยไม่ต้องใช้อุปกรณ์ หรือแม้แต่เดินไปดู site งานก็พรีเซ้นต์ได้ตอนนั้นเลย

หลักสูตร High Engagement Professional Presentation พิเศษกว่าหลักสูตรอื่นๆ เพราะเป็นการนำหลักการสื่อสารแบรนด์และโฆษณา ซึ่งผู้สอนมีประสบการณ์กว่า 20 ปี มาปรับใช้กับการนำเสนอ ร่วมกับหลัก Non-verbal Communication ที่ใช้การเคลื่อนไหวสร้าง engagement จึงเป็นการให้มุมมองการนำเสนอใหม่ๆ เน้นการสื่อข้อความให้เกิดความคล้อยตามโดยใช้การรับรู้ด้านอารมณ์ (emotional awareness) โดยใช้ทั้งการสื่อสารโดยวาจา (verbal) และการสื่อสารโดยไม่ใช้วาจา (non-verbal) ซึ่งเป็นเรื่องบุคลิก การสื่อสารโดยใช้ร่างกายส่วนต่างๆ สีหน้า ท่าทาง การแต่งตัว การใช้พื้นที่บนเวที ที่แตกต่างจากหลักสูตรอื่นๆ คือ เน้นที่การ present ให้ได้ผลลัพธ์ ไม่ใช่แค่ present ให้ดูดี ซึ่งต้องปรับตั้งแต่ทัศนคติให้มองที่ Result Oriented เมื่อมีทัศนคติที่ถูกต้องการพัฒนาก็ทำได้ไม่ยาก

เนื้อหาที่นำเสนอนั้นถึงแม้เป็นเรื่องหลัก แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่ทำให้เกิดผลลัพธ์ วิธีการนำเสนอต่างหากที่ทำให้เกิดความเข้าใจและคล้อยตาม หรือหากวิธีสื่อสารไม่เหมาะสมก็จะได้ผลลัพธ์ในทางตรงกันข้ามคือ ไม่เข้าใจ ไม่คล้อยตาม และอาจเกิดปัญหาในการทำงานนั้น

หลักสูตรนี้เหมาะกับคนที่ต้องนำเสนอ หรือพูดกับกลุ่มคน ไม่ว่าจะเป็นการบรรยาย การพรีเซ้นต์โปรเจค หรือพรีเซ้นต์สินค้ากับลูกค้า หรือในที่ประชุมกับลูกน้อง หรือผู้ใหญ่

Key Benefits

กลยุทธ์การเข้าใจ และบริหารจัดการผู้ฟัง และ stakeholders อื่นๆ
การเรียบเรียงเรื่องราว โดยเน้นที่ผลลัพธ์ที่ต้องการ
เทคนิคการเล่าเรื่อง Story Telling สร้าง emotional engagement
เทคนิคการใช้ภาพเล่าเรื่อง Visual Story Telling
การเคลื่อนไหวร่างกาย สร้างความสัมพันธ์กับผู้ดู (Body Movement)
การแต่งกาย ภาพรวม (Grooming) หลักการดูแลภาพลักษณ์สำหรับการพูดในที่สาธารณะ
การเลือกใช้สีหน้า (Facial Expression)
การใช้เสียง (Tone of voice)
การเตรียมตัวก่อนพรีเซ้นต์เพื่อให้ได้ผลลัพธ์จริง เช่น การ lobby key persons มาก่อนวันจริง, การส่ง pre-reading ให้ก่อนเป็นต้น

เป็นหลักสูตรที่เน้นการฝึกปฏิบัติ โดยให้หลักการ และฝึกฝนและปรับแก้ไข และมีการถ่ายวิดิโอเปรียบเทียบให้ดูทุกครั้ง หลักสูตรนี้จึงรับรองผลการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น

Course Outlines

วันที่ 1

ปรับทัศนคติ และเปิดมุมมองใหม่เรื่องการ present
Framework ในการนำเสนอ
เทคนิควิเคราะห์ผู้ฟัง
เทคนิคการเรียบเรียง content + วิธีหา key message ปรับจากหลักการโฆษณาและสื่อสารแบรนด์
Workshop: Content Design
หลักการออกแบบ content เพื่อ present ให้จบภายใน 30 วินาที
Storytelling technique นำเสนอด้วยการเล่าเรื่อง สร้าง emotional engagement
Visual Storytelling ใช้ภาพเล่าเรื่อง
การสร้างสัมพันธ์กับผู้ฟังอย่างเป็นธรรมชาติ โดยใช้ Non-verbal communication ขั้น Advance ได้แก่ Body Attitude, Body Movement, Gesture and Postures
Facial Expression

วันที่ 2:

ให้แต่งกายพร้อมสำหรับการ present
การใช้น้ำเสียง (Vocal Training)
การหายใจ
การ project เสียงให้มีพลัง
การใช้โทนเสียงกับ story telling
Workshop ฝึกพูดจริง พร้อมการใช้เสียง
ภาพลักษณ์ ช่วยให้นำเสนอได้ผล ตั้งแต่ยังไม่พูด ได้แก่ การแต่งกาย บุคลิก การพูด
Workshop: ฝึกพูดจริง ปรับจากวันแรก
วิเคราะหการพูดของแต่ละท่านอย่างละเอียด และแนะนำการปรับปรุง
ถ่าย VDO ให้ผู้ร่วมสัมมนาได้ศึกษาและปรับปรุงการสื่อสารของตัวเอง
การบริหารผู้เข้าฟัง ในตอนพรีเซ้นต์ การตอบคำถาม การทำให้คล้อยตาม
การบริหารผู้เข้าฟังก่อนวันพรีเซ้นต์ เช่น pre-reading, เตรียมคุยกับ key person (lobby) มาก่อนวันจริง เป็นต้น